skip to Main Content
ข้อมูลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียบเรียงโดย เชี่ยวหลานฮอลิเดย์

ข้อมูลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียบเรียงโดย เชี่ยวหลานฮอลิเดย์

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 20 ของประเทศ แต่มีความหนาแน่นของประชากรเป็นอันดับท้าย ๆ ของประเทศ เพราะว่าพื้นที่จำนวนมากของจังหวัดโดยเฉพาะด้านทิศตะวันตกนั้นเป็นเขตป่าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีทั้งอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง อุทยานแห่งชาติคลองพนมและอุทยานแห่งชาติเขาสก รวมทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน

สุราษฎร์ธานีเรียกสั้น ๆ ติดปากว่า “สุราษฎร์ฯ” มีชื่อย่อจังหวัดในทางราชการว่า “สฎ” และ “SNI” ในภาษาอังกฤษ นับว่าเป็นเมืองหลวงหรือฮับ “Hub” ของภาคใต้ตอนบนเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นจังหวัดที่เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง ชุมพร รวมทั้งจังหวัดภาคใต้ตอนล่างอื่น ๆ

ที่นี่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์และโบราณคดีเก่าแก่มายาวนาน นอกจากนี้แล้วยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายมาก ทั้งทางทะเล แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทอุทยานแห่งชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาอีกหลายแห่ง สมกับคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” เรียกได้ว่าถ้ามาเที่ยวสุราษฎร์ธานีวันเดียวนั้นอาจจะเที่ยวได้ไม่ทั่วถึง

เงาะโรงเรียน เงาะนาสาร สุราษฎร์ธานี
"เงาะอร่อย" เงาะนาสาร
หอยใหญ่ หอยนางรม สุราษฎร์ธานี
"หอยใหญ่" หอยนางรมสุราษฎร์

ประวัติจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สุราษฎร์ธานีในประวัติศาสตร์สมัยโบราณ

สุราษฎร์ธานี ในสมัยโบราณนั้นเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัย โดยมีหลักฐานที่แสดงถึงการตั้งรกรากและยืนยันความรุ่งเรืองในอดีตช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 อย่างชัดเจนในพื้นที่อำเภอไชยา และภายหลังเมื่ออาณาจักรตามพรลิงก์ (หรือเมืองนครศรีธรรมราช) มีความรุ่งเรืองมากขึ้นนั้น ที่นี่ก็เลยเป็นหนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราช รวมไปถึงเมืองอื่น ๆ ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในปัจจุบัน ซึ่งเจริญรุ่งเรืองมาในยุคเดียวกันกับเมืองไชยา อันได้แก่ เมืองท่าทอง (อำเภอกาญจนดิษฐ์ในปัจจุบัน) เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองเวียงสระ ก็ได้กลายเป็นเมืองสิบสองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราชเช่นเดียวกัน

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายที่ตั้งเมืองท่าทองมายังอ่าวบ้านดอน พร้อมทั้งยกฐานะให้เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และพระราชทานชื่อใหม่ว่า “เมืองกาญจนดิษฐ์” โดยแต่งตั้งให้พระยากาญจนดิษฐ์บดีเป็นเจ้าเมืองดูแลการปกครอง

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เมืองกาญจนดิษฐ์ เมืองคีรีรัฐนิคมและเมืองไชยา รวมกันเป็นจังหวัดไชยา ขึ้นตรงต่อมณฑลชุมพร เมื่อเมืองขยายใหญ่ขึ้นและมีการปรับเปลี่ยนการปกครอง จึงมีการแยกเมืองกาญจนดิษฐ์ออกเป็นอำเภอกาญจนดิษฐ์และอำเภอบ้านดอน จนกระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีการย้ายอำเภอเมืองมาที่อำเภอบ้านดอนและโอนชื่อมาเป็นชื่ออำเภอไชยา และให้เมืองเก่าไชยาใช้ชื่อว่า “อำเภอพุมเรียง” แต่ทว่าประชาชนยังติดเรียกชื่อเมืองเก่าว่า “อำเภอไชยา”

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ไม่ทรงโปรดปรานชื่อบ้านดอนเท่าไหร่นัก จึงพระราชทานนามอำเภอบ้านดอนว่า “สุราษฎร์ธานี” และให้อำเภอพุมเรียงกลับไปใช้ชื่อเดิมว่าอำเภอไชยา รวมถึงเปลี่ยนชื่อจังหวัดเป็น “จังหวัดสุราษฎร์ธานี” และพระราชทานนามชื่อแม่น้ำที่ไหลผ่านตัวจังหวัดลงทะเลอ่าวไทยว่า “แม่น้ำตาปี” ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามแบบเมืองและแม่น้ำในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย ที่มีแม่น้ำ “ทัปตี” ไหลลงสู่ทะเลออกผ่านปากอ่าวที่ “เมืองสุรัต”

ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี
ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี

ที่ตั้ง อาณาเขต ภูมิประเทศและภูมิอากาศ

จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของภาคใต้ มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของจังหวัดโดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันตกนั้นมี “เทือกเขาภูเก็ต” สูงทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ของพื้นที่จังหวัด และเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด คือคลองสกและคลองพุมดวง ที่ไหลไปรวมกับแม่น้ำตาปีจากต้นน้ำเขาหลวง นครศรีธรรมราช ลงสู่อ่าวไทย พื้นที่ฝั่งตะวันตกของจังหวัดมีอาณาเขตติดกับจังหวัดพังงาและระนอง ลักษณะอากาศทางด้านทิศตะวันตกนี้ จึงมักจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดียมากกว่าฝั่งอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกชุกใกล้เคียงกับจังหวัดระนองและพังงา

ทางด้านตะวันออกของจังหวัดติดกับอ่าวไทยและจังหวัดนครศรีธรรมราช มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่กว่าทางด้านตะวันตก มีชายหาดติดทะเลยาวประมาณ 156 กิโลเมตร โดยมีเกาะที่อยู่ภายใต้เขตการปกครองของจังหวัด ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง และยังมีเกาะน้อยใหญ่อีกมากมาย จึงได้ชื่อว่า “เมืองร้อยเกาะ” เช่น เกาะนางยวน เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ อาณาเขตทิศเหนือของจังหวัดติดกับประตูสู่ภาคใต้คือจังหวัดชุมพร ส่วนทิศใต้มีพื้นที่ติดกับจังหวัดกระบี่ พังงาและนครศรีธรรมราช

เนื่องจากทำเลที่ตั้งรวมถึงภูมิประเทศของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงทำให้ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทย ทำให้มีช่วงฤดูฝนยาวนานมาก โดยกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมกราคม โดยจังหวัดสุราษฏร์ธานีมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 21.16 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34.51 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 129.59 มิลลิเมตร

จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีกี่อำเภอ?

จังหวัดสุราษฎร์ธานีแบ่งการปกครองตามรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 19 อำเภอ 131 ตำบล และ 1,074 หมู่บ้าน มีรายชื่ออำเภอดังนี้

  1. อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
  2. อำเภอกาญจนดิษฐ์
  3. อำเภอดอนสัก
  4. อำเภอเกาะสมุย
  5. อำเภอเกาะพะงัน
  6. อำเภอไชยา
  7. อำเภอท่าชนะ
  8. อำเภอคีรีรัฐนิคม
  9. อำเภอบ้านตาขุน
  10. อำเภอพนม
  1. อำเภอท่าฉาง
  2. อำเภอบ้านนาสาร
  3. อำเภอบ้านนาเดิม
  4. อำเภอเคียนซา
  5. อำเภอเวียงสระ
  6. อำเภอพระแสง
  7. อำเภอพุนพิน
  8. อำเภอชัยบุรี
  9. อำเภอวิภาวดี
แผนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ประเพณีและวัฒนธรรมสำคัญ

งานประเพณีชักพระ

ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งขันเรือยาว ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “งานเดือนสิบเอ็ด” ประเพณีชักพระเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวภาคใต้ ซึ่งเป็นประเพณีทำบุญในวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับ วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระมารดา เมื่อครบพรรษาจึงเสด็จมายังโลกมนุษย์  พุทธศาสนิกชนจึงมารอรับเสด็จ แล้วอัญเชิญพระพุทธเจ้าขึ้นประทับบนบุษบกแล้วแห่ไปรอบเมือง

กิจกรรมที่สำคัญได้แก่การประกวดเรือพระ จะมีทั้งรถพนมพระและเรือพนมพระ ซึ่งตกแต่งประดับประดาด้วยการแกะสลัก หรือฉลุไม้ ตกแต่งจำลอง เสมือนฉากที่พระพุทธเจ้ากลับมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึง ในงานพิธีจะใช้คนลาก โดยเชื่อว่าผู้ที่ได้ร่วมลากจูงรถหรือเรือพนมพระจะได้อานิสสงค์หลายประการ การจัดพุ่มผ้าป่าเป็นการจำลองพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าแสดงออกเป็นตอน ๆ ด้วยการนำต้นไม้หรือกิ่งไม้ประดับกับหลอดไฟสีต่าง ๆ มีทั้งการเขียนภาพ ปั้นรูปดินเหนียว อุปกรณ์ประกอบฉากมักจะตกแต่งด้วยเครื่องอัฐบริขารและไม่นิยมนำสิ่งมีชีวิตเช่นปลาสวยงาม เต่าหรือสัตว์เลี้ยงใด ๆ มาจัดประกอบฉาก เพราะเชื่อว่าเป็นการทรมานสัตว์และจะไม่ได้รับอานิสสงค์

นอกจากนี้ยังมีการจัดการประกวดพุ่มผ้าป่า มีทั้งหน่วยงานในจังหวัดทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม โดยงานประเพณีนี้จัดขึ้นบริเวณริมเขื่อนลำนำตาปี ตั้งแต่บริเวณศาลหลักเมืองจนกระทั่งถึงโรงแรมวังใต้ โดยขึ้นอยู่กับทางจังหวัดว่าในแต่ละปีจะเลือกเอาบริเวณใด ทั้งนี้ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งขันเรือยาวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจัดได้ว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของภาคใต้เลยทีเดียว

ประเพณีชักพระทอด ผ้าป่าและแข่งขันเรือยาว
งานประเพณีชักพระ

ประเพณีทำบุญเดือนสิบ หรือ งานสารทเดือนสิบ

ประเพณีทำบุญเดือนสิบ หรืองานเดือน ๑๐ เป็นประเพณีประจำท้องถิ่นของชาวภาคใต้ ที่ถือปฏิบัติกันมายาวนานตั้งแต่โบราณ มีขึ้นในช่วงกลางเดือนสิบไทย ประมาณเดือนกันยายน ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ – วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ของทุกปี หรือเรียกกันเป็นภาษาถิ่นว่า “วันรับ-ส่งตายาย” ซึ่งถือเป็นประเพณีที่สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

“วันรับตายาย” จะตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ส่วน “วันส่งตายาย” จะตรงกับแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ โดยวันนี้ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อมาแสดงถึงกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งยังทำให้ญาติพี่น้องได้พบปะสังสรรค์กันด้วย

พิธีกรรมในประเพณีทำบุญเดือนสิบ จะมีการทำบุญตักบาตรในตอนเช้า นำอาหารถวายพระ แล้วยังอาหารอีกส่วนหนึ่งไปวางไว้บนร้านที่เรียกกันว่า “ร้านเปรต” ซึ่งสร้างแบบยกพื้นขึ้นมากลางลานวัด เพื่อให้ชาวบ้านและเด็ก ๆ เข้าแย่งอาหารหรือที่เรียกว่าชิงเปรตกัน

ขนมที่นิยมทำกันในเดือนสิบ ได้แก่ ขนมลา ขนมกรุบ ขนมจู้จุน ขนมบ้า ขนมไข่ปลา ยาหนม ขนมพอง ขนมต้ม และผลไม้ต่าง ๆ หลังจากทำบุญกันในตอนเช้าเสร็จพิธีแล้วก็จะมีการบังสกุลบรรพบุรุษเป็นอันเสร็จพิธี

ขนมสารทเดือนสิบ
ขนมสารทเดือนสิบ

งานวันเงาะโรงเรียน

จังหวัดสุราษฎร์ธานีถือเป็นถิ่นกำเนิดของ “เงาะโรงเรียน” ที่มีทั้งรูปลักษณ์สีสันที่สวยงาม รสชาติดี มีความหวาน กรอบ ล่อนไม่ติดเมล็ด ที่ใคร ๆ ต่างยกย่องให้เป็นเจ้าหญิงแห่งผลไม้ เป็นเงาะพันธุ์ที่ดี่ที่สุดทั้งในประเทศไทย ถือว่าเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของจังหวัดและเป็นความภูมิใจหนึ่งของชาวสุราษฎร์ธานี จนได้เป็นหนึ่งในคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” งานวันเงาะโรงเรียน หรือที่คนท้องถิ่นเรียกสั้น ๆ ว่า “งานเงาะ”

งานวันเงาะโรงเรียน จะจัดขึ้นประมาณกลางเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ที่อำเภอบ้านนาสาร โดยทางจังหวัดได้จัดงานเพื่อนำผลิตผลเงาะโรงเรียนและผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายแก่ผู้สนใจ นอกเหนือจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมและนิทรรศการทางการเกษตร การแข่งขันลิงขึ้นมะพร้าว การประกวดนกเขาใหญ่ การแข่งขันจักรยานสามล้อ การประกวดธิดาเงาะ การประกวดรถประดับด้วยผลเงาะและผลไม้ที่มีคุณภาพของทางจังหวัดอีกหลากหลายชนิด

งานเทศกาลกินหอยนางรมฟรี

ในท่อนหนึ่งของของคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “หอยใหญ่” นั้นมีที่มาจากหอยนางรม ซึ่งเป็นอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อของอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะมีความแตกต่างจากหอยนางรมที่อื่น คือมีรสชาติหวานและขนาดใหญ่เป็นพิเศษ งานเทศกาลกินหอยนางรมฟรี จะจัดขึ้นประมาณต้นเดือนมีนาคมของทุกปีในตัวอำเภอกาญจนดิษฐ์ โดยมีหอยนางรมขนาด Big Size ให้กินฟรี และยังมีสินค้าโอท็อปรวมไปถึงการออกร้านของร้านอาหารอีกมากมาย พร้อมทั้งการแสดงของวงดนตรีและการแสดงของนักเรียนประจำทุกค่ำคืนด้วย

กีฬาชนควาย

กีฬาชนควาย เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะในท้องที่อำเภอเกาะสมุยเป็นที่นิยมกันมาก มีลักษณะคล้ายกับกีฬาชนวัวของจังหวัดสงขลา การชนควายเริ่มมีขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ทราบแต่ว่าในสมัยก่อน ในที่เกาะสมุยขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช ที่นี่มีควายมากกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้การที่ชาวบ้านเห็นควายชนกัน ขวิดกัน จึงน่าจะเป็นต้นกำนิดของการนำควายมาชนกัน และมีการนำมาเลี้ยงและฝึกจนเกิดเป็นกีฬาชนควายอย่างเช่นปัจจุบัน

การเลี้ยงควายชน จะต้องเลี้ยงดูอย่างพิถีพิกันเช่นเดียวกับการเลี้ยงวัวชน ควายต้องได้ออกกำลังสม่ำเสมอ ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ และจะต้องได้มีโอกาสฝึกชนในบางครั้ง นอกจากนี้จะต้องระมัดระวังไม่ให้ใครเข้าใกล้ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามในระยะเวลาใกล้ ๆ จะถึงเวลาที่จะชน เพราะอาจจะมีผู้วางยาทำให้เสียควายได้ ก่อนการชนจะมีการเปรียบคู่ชน โดยเจ้าของควายทั้งสองจะต้องไปดูควายของฝ่ายตรงข้าม หากไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันมากก็จะยินยอมให้ชนกันได้

ในสมัยก่อน การชนควายจะชนกันหลังจากที่เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว สนามชนควายก็คือนาข้าวนั่นเอง ส่วนใหญ่จะนัดชนกันในโอกาสงานมงคล หรือมีงานเทศกาลต่าง ๆ เช่นวันขึ้นปีใหม่หรือวันสงกรานต์ งานประจำปีของวัดต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันการชนควายในสนามทุ่งนาหมดไป เนื่องจากมีผู้เปิดบ่อนชนควายขึ้นซึ่งชนกันได้ทุกฤดูกาลเมื่อใกล้ถึงวันจะชน การดูแลรักษาควายจะต้องพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น เจ้าชองต้องนำควายไปเลี้ยงดูใกล้ ๆ กับสนาม เมื่อถึงเวลาชนจะมีหมอไสยศาสตร์ของแต่ละฝ่ายทำพิธีกันอย่างเอาจริงเอาจัง พิธีจะหมดสิ้นลงเมื่อปล่อยควายเข้าชนกันแล้ว การชนจะยุติลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้วิ่งหนีออกจากสนาม

ความเชื่อเกี่ยวกับควายชนก็เหมือน ๆ กับวัวชน คือเชื่อเรื่องลักษณะของควายที่มีลักษณะต้องตามตำราว่าจะได้เปรียบควายคู่ชน ที่มีลักษณะด้อยกว่า และควายที่มีลักษณะดีจะนำความเป็นศิริมงคลมาสู่ผู้เลี้ยง นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออื่น ๆ อีกมาก การชนควายมีการชนกันโดยทั่วไปในอำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีการทำนา แต่ที่มีชนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันก็เฉพาะที่อำเภอเกาะสมุยเท่านั้น

สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดใหญ่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างทะเล เกาะแก่งต่าง ๆ ปากแม่น้ำ อุทยานแห่งชาติ ภูเขา ถ้ำ น้ำตก เขื่อน รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยงเชิงศาสนาและศิลปวัฒนธรรม ในที่นี้ขอแนะนำข้อมูลเบื้องต้นของสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5 ดาว ที่เป็นที่รู้จักกันในระดับโลกกัน ดังนี้

เกาะสมุย

เกาะสมุย เป็น 1 ใน 2 อำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อยู่ในทะเลอ่าวไทย เฉพาะตัวเกาะสมุยเองมีพื้นที่ประมาณ 228 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ตและเกาะช้าง โดยพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่ราบและชายหาด ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นภูเขา เกาะสมุยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งทางฝั่งทะเลอ่าวไทยที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ด้วยความงดงามของธรรมชาติ น้ำทะเลสวยใส หาดทรายขาวละเอียดทอดขนานไปกับทิวมะพร้าวริมชายหาด จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์กลางอ่าวไทย มีชายหาดสวยงามที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง เช่น หาดเฉวง ซึ่งเป็นเป็นชายหาดที่ยาวและใหญ่ที่สุด หรือจะเป็นหาดตลิ่งงาม ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะที่ขึ้นชื่อในเรื่องของพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด รวมทั้งหาดละไม หาดที่ใหญ่อันดับสองรองจากหาดเฉวง มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของความโค้งของอ่าวและทิวมะพร้าวที่เป็นแนวยาวริมชายหาด

ทั้งนี้เกาะสมุยยังมีหมู่เกาะใหญ่น้อยเรียงรายโดยรอบอีกประมาณ 53 เกาะ ซึ่งก็คือ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง”

เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะพะงัน

เกาะพะงัน (เดิมสะกดว่า “พงัน”) อีก 1 ในเกาะของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีสถานะเป็นอำเภอ ห่างจากเกาะสมุยไปทางทิศเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร มีพื้นที่เกาะ มีพื้นที่ 168 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงมากกับชาวต่างชาติในด้านการปาร์ตี้ เพราะเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก วึ่งก็คือ “ฟูลมูนปาร์ตี้ – Full Moon Party” เกาะพะงันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีชายหาดขาว น้ำทะเลใส ทัศนียภาพงดงาม มีชายหาดที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง เช่น

  • หาดริ้น อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ ชายหาดที่สวยที่สุดบนและเป็นสถานที่จัด Full Moon Party มีชายหาดยาวประมาณ 1,000 เมตร แบ่งเป็น 2 หาดย่อย คือหาดริ้นนอกและหาดริ้นใน
  • อ่าวโฉลกหลำ อยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะ มีชายหาดโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นแหล่งอาหารทะเลและสถานที่เล่นวินต์เซิร์ฟ-ไคต์เซิร์ฟ
  • หาดยาว ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ มีชายหาดที่ยาวเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของหาดยาวคือการชมพระอาทิตย์ตกดิน ด้วยในมุมที่สวยงามที่สุดของเกาะ
  • หาดแม่หาด อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ มีชายหาดที่ค่อนข้างยาว ทรายขาวสวย เป็นหาดที่เหมาะสำหรับการดำน้ำและสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกดินได้เช่นกัน
  • หาดสลัด เป็นที่หลบซ่อนของโจรสลัดในสมัยก่อน เป็นหาดที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการว่ายน้ำในช่วงพฤศจิกายนถึงเมษายน มีแนวปะการังห่างจากฝั่งประมาณ 150 เมตร ทำให้เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้นได้
  • อ่าวท้องนายปานใหญ่ เป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดด้านตะวันออก หาดทรายสีขาวละเอียด ล้อมรอบด้วยภูเขาที่มีป่าเขตร้อนปกคลุม พร้อมด้วยสวนมะพร้าว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถว่ายน้ำได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้แล้วหาดท้องนายปานใหญ่มีหินผาให้ปีนด้วย

อุทยานแห่งชาติเขาสก

อุทยานแห่งชาติเขาสก มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอพนมและอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ประมาณ 741.01 ตารางกิโลเมตร หรือ 463,131.43 ไร่ มีพื้นที่ติดกับป่าที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา อุทยานแห่งชาติศรีพังงา อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงและอุทยานแห่งชาติคลองพนม ซึ่งทั้งหมดที่อยู่ในเทือกเขาภูเก็ตนี้ เป็นผืนป่าดิบชื้นที่มีความสำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุดของภาคใต้ รวมกันทั้งสิ้นกว่า 2,296,879.5 ไร่ ซึ่งเรียกรวมกันว่าเป็น “ขุนเขาแห่งป่าฝน” ของภาคใต้

อุทยานแห่งชาติเขาสก อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณมากมายนานาชนิด เช่น บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลางหรือปาล์มหลังเขา ปาล์มพระราหู ฯลฯ และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะพบสัตว์ป่าสงวนถึง 4 ชนิด คือ สมเสร็จ เก้งหม้อ แมวลายหินอ่อน และเลียงผา นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติเขาสกยังมีทิวทัศน์และธรรมชาติที่แสนงดงาม โดยเฉพาะเทือกเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเหนือผืนน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา

เขื่อนเชี่ยวหลาน เขื่อนรัชชประภา
เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เขื่อนเชี่ยวหลาน

เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนรัชชประภา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพอันงดงาม บรรยากาศเงียบสงบ น้ำใสสีเขียวมรกต รายล้อมด้วยภูเขาหินปูนยอดแหลม แนวหน้าผาสูงชัน มีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก ภายในบริเวณเขื่อนเชี่ยวหลานมีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกหลายแห่ง เช่น เขาสามเกลอ เป็นเกาะหินปูนกลางน้ำตั้งตระหง่านเรียงรายกลางท้องน้ำสีมรกต ดูแปลกตาแต่สวยงามจนได้ชื่อว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” มีถ้ำสวย ๆ อย่างถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำปะการังและถ้ำประกายเพชร ภายในถ้ำทั้งหมดมีหินงอกหินย้อย รวมทั้งโขดหินที่เกิดขึ้นมาจากการกัดเซาะของสายน้ำจนมีรูปร่างที่แปลกตา มีจุดชมวิวไกรสร หรือ Viewpoint ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสความงามของทิวทัศน์เหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาได้อย่างกว้างไกล นอกจากนี้แล้วยังมีแพเขื่อนเชี่ยวหลานสวย ๆ จำนวนเกือบ 20 แพ ไว้บริการนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายหลายแห่ง ทั้งแพเอกชนและแพอุทยานเขื่อนเชี่ยวหลาน รวมไปถึงที่พักเขื่อนเชี่ยวหลานที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนรัชชประภา

จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังมีอะไรดี ๆ อีกมากมายรอให้คุณได้มาสัมผัส ทั้งความเป็นมิตรไมตรีของคนในท้องถิ่นและความงดงามของสถานที่ต่าง ๆ หากอยากรู้ว่าเมืองสุราษฎร์ฯ น่าเที่ยว น่าค้นหาและมีดีอย่างไร หาโอกาสดี ๆ มาสัมผัสด้วยตัวเองกันสักครั้งครับ

Back To Top